แม้ทีมชาติสหรัฐอเมริกาจะเพิ่งสร้างผลงานสุดโหดด้วยการถล่มอุรุกวัย 5-1 ในเกมอุ่นเครื่อง แต่บรรยากาศหลังเกมกลับไม่ราบรื่นอย่างที่คาด เมื่อ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เฮดโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ออกอาการฉุนใส่นักข่าว หลังถูกตั้งคำถามจี้ประเด็น “ตัวหลักประจำทีม” ท่ามกลางการโรเตชั่นนักเตะอย่างหนักนับตั้งแต่เขาเข้ามารับงาน
ชัยชนะเหนืออุรุกวัยครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในผลการแข่งขันที่โดดเด่นที่สุดของสหรัฐฯ ในการเจอกับคู่แข่งนอกโซนคอนคาเคฟ นับตั้งแต่ปี 2011 โดยทีมของโปเช็ตติโน่ยิงได้ถึง 4 ประตูตั้งแต่ครึ่งแรก สร้างความมั่นใจให้กับแฟนบอลเจ้าถิ่นอย่างมาก ก่อนฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพร่วม
แน่นอนว่าเมื่อทีมทำผลงานดีต่อเนื่อง แฟนบอลและสายวิเคราะห์ผลบอลก็มักมองไปไกลกว่าผลสกอร์ 90 นาที ทั้งฟอร์มผู้เล่นตัวจริง แท็กติกการเล่น และอัตราต่อรองในเกมใหญ่ที่กำลังจะตามมา หลายคนเลือกเช็กข้อมูลเชิงลึกและราคาบอลจากแพลตฟอร์มด้านกีฬาอย่าง ufabet เว็บหลัก ที่รวบรวมทั้งสถิติ ฟอร์มทีม และเรตราคาบอลทีมชาติจากหลากหลายทัวร์นาเมนต์ เพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์ว่าทีมของพอช “ของจริงแค่ไหน” บนเวทีโลก
อย่างไรก็ดี เบื้องหลังชัยชนะอันสวยหรูของทีมชาติสหรัฐฯ กลับมาพร้อมคำถามยากๆ ต่อเฮดโค้ช เมื่อมีนักข่าวรายหนึ่งยิงคำถามยาวเกี่ยวกับเรื่องที่โปเช็ตติโน่ “ไม่มีผู้เล่นตัวจริงประจำทีม” และหมุนเวียนนักเตะบ่อยเกินไป เนื่องจากตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเรียกนักเตะมาใช้งานแล้วถึง 71 คน พร้อมสถิติภาพรวมชนะ 13 นัด แพ้ 7 นัด และเสมอ 2 นัด
โปเช็ตติโน่ไม่รอช้า ตอบโต้แบบเย็นแต่แฝงความไม่พอใจ โดยย้อนถามเชิงวาทศิลป์ทันทีว่า
“ใครคือผู้เล่นประจำ?”
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามขยายความ คำตอบของกุนซือวัย 53 ปีก็ยิ่งชัดเจนขึ้นว่าเขาไม่แฮปปี้กับแนวคำถามเท่าไหร่นัก
“บางทีเราอาจต้องหยุดการแถลงข่าว แล้วให้ผมเดินไปที่ห้องแต่งตัว กลับมา แล้วเริ่มกันใหม่อีกรอบ เพราะตอนนี้มันเหมือนเราเป็นฝ่ายตรงข้ามกันเลย ผมเพิ่งชนะ 5-1 นะครับ ผมเป็นโค้ชทีมชาติสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่ภารโรงของทีม”
โปเช็ตติโน่ย้ำว่า เขาไม่เข้าใจนิยามคำว่า “ตัวจริงประจำ” ในเมื่อทีมกำลังอยู่ในช่วงทดลอง ปรับสมดุล และเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้เล่นหลายคน
“บอกผมหน่อยว่าเรากำลังพูดถึงใครในฐานะผู้เล่นประจำ? ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณหมายถึงอะไร”
เมื่อนักข่าวพยายามอธิบายว่าเขาหมายถึงผู้เล่นที่มี “ประสบการณ์มากกว่า” กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ก็ยังถามย้ำว่า “ใคร? ใครกันแน่?” พร้อมระบุว่าคำถามแบบนี้อาจทำให้ลูกทีมที่เล่นดีในเกมดังกล่าวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงนักเตะเกรดรอง
“ถ้าผมเป็นนักเตะแล้วต้องมาฟังแบบนี้ ผมคงผิดหวังมาก พวกเขาเล่นกันได้ดี รักษาแนวทางของทีม เราควรแสดงความยินดีกับพวกเขา ไม่ใช่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ”
โปเช็ตติโน่ยังยอมรับตรงๆ ว่า เขารู้สึกเหนื่อยและผิดหวังกับคำถามสองข้อแรกของการแถลงข่าวหลังเกม
“พูดตามตรง ผมเหนื่อย และอาจเข้าใจภาษาอังกฤษได้ไม่หมด แต่ผมผิดหวังกับสองคำถามแรกจริงๆ เพราะผมไม่รู้ว่าคุณอยากให้ผมตอบอะไร”
แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันในช่วง 12 เดือนแรกของการคุมทีมชาติสหรัฐฯ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เรื่องผลงานและการโรเตชั่น แต่พอชยืนยันว่าทีมกำลังมาถูกทาง โดยเฉพาะเรื่อง “จิตวิญญาณและความเป็นหนึ่งเดียวกัน”
“สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดจากทั้งทีมงานและนักเตะ คือวิธีที่เราค่อยๆ เชื่อมโยงกัน เราเปลี่ยนผู้เล่นถึง 9 คนจากเกมที่เจอกับปารากวัย แต่เรายังรักษาแนวคิด ปรัชญา ความมุ่งมั่น และความเชื่อเดียวกันเอาไว้ได้ นั่นคือพื้นฐานที่จะทำให้เราพร้อมท้าทายทีมใหญ่ๆ ในฟุตบอลโลก”
ด้านนอกสนาม โปเช็ตติโน่ก็ยังต้องจัดการกับข่าวลือที่เชื่อมโยงเขากลับไปยังท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ อดีตต้นสังกัดในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะหลังจากที่ แอนจ์ พอสเตโคกลู ถูกปลดจากตำแหน่งหลังพาทีมคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก แต่เจ้าตัวยืนยันชัดว่า ตอนนี้เขาโฟกัสเต็มที่กับทีมชาติสหรัฐฯ และมองว่าข่าวลือเหล่านั้น “ไม่สมจริง”
“ตั้งแต่ผมออกจากสเปอร์สปี 2019 ชื่อผมก็ถูกโยงกับสโมสรอยู่ตลอด ผมเห็นข่าวลือแล้ว มีโค้ชเป็นร้อยคนที่อยู่ในลิสต์ อย่ากังวลไปเลย ถ้าวันหนึ่งมันเกิดขึ้นจริง คุณจะได้เห็นเอง แต่ตอนนี้ผมมีความสุขมากกับสิ่งที่ทำ และเราคงไม่มาพูดเรื่องนี้กันในเวลานี้”
สำหรับแฟนบอลที่ชอบตามทั้งดราม่าข้างสนามและมุมมองแท็กติกในสนาม เว็บไซต์วิเคราะห์ลูกหนังอย่าง basbgz มักหยิบเรื่องราวแบบนี้มาขยายต่อ ทั้งประเด็นการโรเตชั่นของโค้ชระดับโลก การบริหารห้องแต่งตัวในทีมชาติ และการเตรียมทีมก่อนทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ทำให้เห็นว่าเบื้องหลังคำตอบดุ ๆ ในห้องแถลงข่าว มักมีทั้งแรงกดดัน เป้าหมาย และมุมคิดเชิงโครงสร้างทีมซ่อนอยู่เสมอ
เมื่อฟุตบอลโลก 2026 ใกล้เข้ามาทุกขณะ และสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในเจ้าภาพ การตัดสินใจของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ทั้งในเรื่องตัวผู้เล่นและการรับมือกับแรงกดดันจากสื่อ จะถูกจับตามองยิ่งกว่าเดิม ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะพาทีมชาติสหรัฐฯ ก้าวขึ้นไปยืนระดับไหนบนเวทีโลกที่บ้านตัวเอง
เครดิตข่าวจาก : www.thsport.live