ซาดิโอ มาเน่ แนวรุกทีมชาติเซเนกัลของ อัล นาสเซอร์ ย้อนเล่าช่วงเวลาสุดเดือดในอดีต สมัยยังเล่นให้ลิเวอร์พูล เมื่อเขาเคย “โกรธจัด” ใส่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพราะมองว่าเพื่อนร่วมทีมไม่ยอมจ่ายบอลให้ ทั้งที่ควรจะจ่าย แต่เรื่องร้อนในวันนั้นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดใจคุยกัน จนทั้งคู่กลายเป็นหนึ่งในดูโอแนวรุกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป
เรื่องทั้งหมดถูกมาเน่เล่าในรายการของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ระหว่างช่วงพักทีมชาติ เขาถูกถามถึงความสัมพันธ์กับซาลาห์ หนึ่งในประเด็นที่แฟนบอลสงสัยกันมานานว่า แท้จริงแล้วทั้งคู่เคย “ไม่ลงรอย” กันจริงหรือไม่ มาเน่ยอมรับตรงๆ ว่า มีอยู่เกมหนึ่งที่เขาโกรธเพื่อนร่วมทีมชาวอียิปต์อย่างมาก และมันคือเกมพรีเมียร์ลีกที่ ลิเวอร์พูล เจอกับ เบิร์นลีย์ ซึ่งแฟนหงส์จำภาพมาเน่ระเบิดอารมณ์บนม้านั่งสำรองได้ดี
มาเน่เล่าว่า โดยนิสัยแล้วเขาเป็นคนเงียบๆ เป็นมิตรกับทุกคนในห้องแต่งตัว และเชื่อว่าซาลาห์เองก็เป็นคนดี นิสัยไม่ต่างกัน แต่ฟุตบอลระดับสูงเต็มไปด้วยแรงกดดันและอารมณ์ในสนาม บางครั้งจังหวะเดียวก็ทำให้เดือดพล่านได้
เขาบอกว่าในเกมนั้น ซาลาห์มีโอกาสจ่ายบอลให้ตนในตำแหน่งที่พร้อมจะยิง แต่กลับเลือกเลี้ยงเองและไม่ได้ประตู พอจบเกมกลับไปดูเทปการแข่งขันแล้วเห็นสีหน้าตัวเองตอนหัวเสียบนม้านั่งสำรอง เจ้าตัวยอมรับว่า “โอ้โห ผมนี่โกรธสุดๆ จริง ๆ”
สำหรับแฟนบอลที่ติดตามพรีเมียร์ลีกมาตลอด ยุคที่มาเน่–ซาลาห์–ฟีร์มีโน่ ล่าประตูร่วมกันคือช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลเล่นเกมรุกได้จัดจ้านที่สุดยุคหนึ่ง ทั้งการเพรสซิ่งสูง ความเร็ว และจังหวะจบสกอร์ ทำให้หลายคนยังตามดูผลงานของพวกเขาในปัจจุบันผ่านทั้งข่าวสารและข้อมูลเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นสถิติ, ฟอร์ม หรือราคาในเกมใหญ่ ๆ ซึ่งสามารถติดตามภาพรวมของฟุตบอลระดับสโมสรในลีกชั้นนำได้จากเว็บกีฬาและเดิมพันออนไลน์อย่าง ยูฟ่าเบท ที่รวมทั้งข้อมูลการแข่งขันและอัตราต่อรองของเกมสำคัญให้แฟนบอลใช้ประกอบการวิเคราะห์ได้ตลอดทั้งซีซั่น
ย้อนกลับมาที่เรื่องในห้องแต่งตัว มาเน่เล่าต่อว่า หลังจบเกมวันนั้น ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันมาก ต่างคนต่างกลับบ้านไปจัดการอารมณ์ของตัวเอง กระทั่งเช้าวันต่อมา ซาลาห์เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา พร้อมเอ่ยปากถามว่า “เราคุยกันได้ไหม?” ซึ่งมาเน่ตอบตกลงทันที เพราะมองว่าการพูดคุยคือทางออกที่ดีที่สุด
ซาลาห์อธิบายกับเพื่อนร่วมทีมว่า เขาไม่ได้มีเจตนาจะเมินมาเน่หรือไม่ยอมจ่าย แต่ในฐานะกองหน้าที่มีสัญชาตญาณล่าประตู พอเห็นช่องยิงก็โฟกัสไปที่การจบสกอร์โดยสัญชาตญาณมากกว่าจะมองหาตัวเลือกอื่น และย้ำว่าหากเขามองเห็นมาเน่ในตำแหน่งที่ดีกว่า เขาก็พร้อมจ่ายบอลให้แน่นอน
มาเน่ยอมรับว่า หลังจากได้ยินคำอธิบายเต็ม ๆ ความโกรธก็เริ่มจางหาย เขาเข้าใจมากขึ้นว่าบางทีในเกม ความเร็วของจังหวะอาจทำให้นักเตะมองไม่เห็นเพื่อนร่วมทีมจริง ๆ ไม่ได้มีอะไรส่วนตัวหรือเกลียดกันอย่างที่คนภายนอกตีความ
จากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับแน่นแฟ้นกว่าเดิม เขาบอกว่า “ตั้งแต่เคลียร์ใจกัน ผมรู้เลยว่าเรายิ่งสนิทกันมากขึ้น” พร้อมย้ำว่าในฐานะกองหน้า เขาเข้าใจดีว่าซาลาห์อยากยิงประตู อยากเป็นดาวซัลโว และตนเองพร้อมช่วย เมื่อมีโอกาสก็ยินดีป้อนบอลให้เพื่อนทำสกอร์
ความเข้าใจและการสื่อสารกันนี่เอง ที่ทำให้แนวรุก “หงส์แดง” ยุคนั้นระเบิดผลงานจนพาทีมคว้าแชมป์ใหญ่ทั้งในและนอกประเทศ มาเน่ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลระหว่างปี 2016–2022 รวม 269 นัด ยิงไป 120 ประตู มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2018–2019 และแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลประวัติศาสตร์ 2019–2020
สำหรับแฟนบอลที่ชอบอ่านบทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทของแนวรุก การเคลื่อนที่ของกองหน้า หรือการประสานงานแบบสามประสานสไตล์ลิเวอร์พูลในยุคทอง ยังสามารถติดตามคอนเทนต์แบบลงลึก แท็กติกจัดเต็ม และมุมมองเชิงสถิติได้จากเว็บไซต์ลูกหนังเชิงวิเคราะห์อย่าง basbgz ที่มักหยิบประเด็นระดับท็อปของยุโรปมาถอดให้เห็นภาพง่ายขึ้น ทั้งในมุมแฟนบอลและสายวิเคราะห์เกม
เรื่องราวที่มาเน่เล่าไว้จึงไม่ใช่แค่ดราม่าระหว่างสตาร์ดังในอดีตเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างของการจัดการอารมณ์และความสัมพันธ์ในทีมระดับท็อป เพราะในโลกฟุตบอล ความไม่พอใจในสนามเกิดขึ้นได้เสมอ แต่สุดท้ายสิ่งที่สำคัญกว่าคือ การเปิดใจพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา และดึงทุกอย่างกลับมาโฟกัสที่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ “ชัยชนะของทีม”
เครดิตข่าวจาก : pptv36.news